ครั้งนี้เราไปเที่ยวไต้หวันด้วยสายการบิน “นกสกู๊ต” ซึ่งบินตรงจากกรุงเทพ (ดอนเมือง) ไปถึงไต้หวันด้วยเวลาแค่ 3 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง ถ้าใครเป็นสายประหยัด แนะนำ “NokScoot” เลย เครื่องบินลำใหญ่ ที่นั่งก็ใหญ่ นั่งสบายมาก แต่แถวรอเช็กอินยาวนิดนึงนะ ก็อย่างว่า เครื่องบินลำใหญ่ จุผู้โดยสารได้เยอะ และตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง ใครๆ เค้าก็อยากใช้บริการกันเนอะ
ช่วงนี้ทางไต้หวันเข้มงวดกั
ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไต้หวันปรับเพิ่มระดับตรวจส
อย่าลืมกรอกใบขาเข้าก่อนผ่าน ตม.ไต้หวันนะ จะกรอกทางกระดาษ และทางออนไลน์ก็ได้ ซึ่งสามารถกอรกล่วงหน้าได้นานถึง 30 เลยทีเดียว หากกรอกทางออนไลน์ก็อย่าลืมตรวจสอบว่าได้ทำเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนหรือยัง ถ้าไม่ทำถึงขั้นตอนสุดท้ายที่มีให้กรอกรหัส 4 ตัว ข้อมูลก็จะไม่เข้าระบบ เจ้าหน้าที่ก็จะหาไม่เจอนะ
รายละเอียดเพิ่มเติม : ตอนที่ 102 : การกรอกใบขาเข้าไต้หวัน กรณียกเว้นวีซ่า
เผอิญๆ วันที่เราไปถึงไต้หวันนั้น อากาศเย็นลงมาทันที จากวันก่อนหน้ายัง 37 องศาอยู่เลย แต่วันศุกร์อุณหภูมิลดลงเหลือ 21 องศา และวันต่อมาเหลือแค่ 16 องศาเอง ทีนี้ล่ะ ได้หนาวสมใจอยากจริงๆ
เวลาจะไปเที่ยวไต้หวัน ไม่ต้องถามหรอกว่าสภาพอากาศ
เราเข้าเมืองไทเปด้วยรถไฟฟ้าสาย Taoyuan Airport MRT ไปลงในเมืองไทเปเลย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ขบวนคือ Express Train ซึ่งจะจอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆ แค่ 5 สถานีเท่านั้น ใช้เวลาเดินทาง 35 นาที และขบวน Commuter Train จะจอดทุกสถานี ใช้เวลา 50 นาที จริงๆ แล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้าสายนี้จะใช้บัตร EasyCard , iPass หรือ Happy Cash ก็ได้ เที่ยวละ NT$150
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเดินทางจากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเป และไปยังเมืองต่างๆ ได้จากลิงก์นี้ >>> ตอนที่ 128 : วิธีเดินทางระหว่างสนามบินเถาหยวน – ไทเป และเมืองอื่นๆ
เมื่อมาถึงไทเปตั้งแต่เช้าขนาดนี้ เรายังเช็กอินเข้าที่พักไม่ได้ เลยเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน จากนั้นจึงออกมาเดินเล่นต่อ วันแรกส่วนใหญ่เราจะเดินไปยังสถานที่ต่างๆ เวลามาเที่ยวแบบนี้ ถ้าอากาศไม่ร้อนจนเกินไป และระยะทางไม่เกิน 3 กม. เรามักจะเลือกวิธีการเดิน แทนการนั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้า ถือว่าเป็นการใช้พลังงานไปในตัว เพราะเวลาปกติเป็นพวกขี้เกียจออกกำลังกายมากถึงมากที่สุด
ระหว่างที่จะไปอนุสรณ์สถานเจียงไคเชค เราเดินผ่านสวนสาธารณะ 228 Peace Park ที่ไต้หวันนี่ดีนะ แม้จะอยู่กลางเมืองในบริเวณที่ที่ดินแสนแพง แต่เค้าก็มีพื้นที่สีเขียวให้ได้มาพักผ่อนและออกกำลังกายกัน
จำได้ว่า ตอนนั้นนั่งรถบัส 2 ชั้นของ Taipei Sightseeing Bus ผ่านอาคารรัฐสภาของไต้หวัน (Taiwan Presidential Office Building) สวยดี แต่ช่วงนั้นผ่านตอนกลางคืน ถ่ายรูปไม่ชัดเท่าไหร่ พอมีโอกาสเดินผ่านตอนกลางวันแบบนี้ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย อาคารแห่งนี้ออกแบบโดย Uheiji Nagano ในยุคที่ญี่ปุ่นเข้าปกครองไต้หวัน (ช่วงระหว่างปี 1895-1945) แต่ก็ได้รับความเสียหายจากระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการปรับปรุงโดย Chen Yi หลังจากนั้นได้เริ่มนำมาใช้เป็นอาคารรัฐสภาของไต้หวันในตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา
ไหนๆ ก็จะไปแถวอนุสรณ์สถานเจียงไคเชคแล้ว เราขอแวะมากินข้าวเช้า + เที่ยงที่ร้าน Jinfeng Braised Meat Rice ก่อน เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือ “ข้าวหน้าหมูพะโล้” หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “หลู่โหย่วฟั่น” ร้านนี้อร่อยและราคาไม่แพง ถ้าใครมาเที่ยวแถวๆ นี้ แนะนำว่า ไม่ควรพลาดจริงๆ ที่เรากินทั้งหมดนี้ จ่ายไปประมาณ 120 บาทเท่านั้น จริงๆ จะกินน้อยกว่านี้ก็ได้ แต่ดูเมนูแล้ว ไอ้โน้นก็อยากกิน ไอ้นี่ก็อยากกิน เลยสั่งมาซะเยอะเลย
รายละเอียดเพิ่มเติม : ตอนที่ 196 : ข้าวหน้าหมูพะโล้ @ Jinfeng Braised Meat Rice
ส่วนตัวเคยมาเที่ยวอนุสรณ์สถานเจียงไคเชค (Chiang Kai Shek Memorial Hall) นับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้ที่เห็นว่า ที่นี่ยังมีซากุระบาน และถ้าใครมาเที่ยวที่นี่แบบนั่งรถไฟฟ้า ให้มาลงที่ MRT C.K.S. Memorial Hall (G10,R08) , Exit 5 นะคะ
บอกก่อนว่า โดยปกติซากุระที่ไต้หวันจะบานประมาณเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนมีนาคม แต่ปีนี้สภาพอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ก็เลยทำให้ช่วงปลายๆ เดือนมีนาคมยังมีซากุระหลงเหลืออยู่บ้าง
มาถึงนี่แล้ว จะพลาดกินชานมไข่มุก ร้าน Chun Shui Tang (ชุน สุ่ย ถัง) ชานมไข่มุกเจ้าแรกของไต้หวันได้ยังไง ถ้าหันหน้าเข้า C.K.S. Memorial Hall ร้านชุน สุ่ย ถัง จะอยู่ใต้ตึกข้างซ้ายมือ ซึ่งก็คือตึก National Concert Hall นั่นล่ะ รอบนี้เรายังชิมโมจิบราวน์ชูการ์ด้วย เหนียวๆ หนึบๆ หอมน้ำตาลทรายดำดี (เรียกตามชื่อภาษาจีน)
นอกจากชานมไข่มุกแล้ว ร้านนี้ยังมีอาหารจานเด็ดอีกหลายอยู่ ดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>> ตอนที่ 193 : Chun Shui Tang ชานมไข่มุกเจ้าแรกของไต้หวัน
ลืมบอกไปว่า ถ้าใครไม่ชอบเดิน จะเช่าจักรยาน UBike ขี่เที่ยวก็ได้นะคะ หากเช่าภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมง ค่าเช่าแค่ NT$10 เอง แต่จะคิดค่าเช่าทุกๆ ครึ่งชั่วโมงนะ
ช่วงที่เราไป มีงาน Pinkholic เป็นงานนิทรรศการที่มีสินค้าและมุมถ่ายรูปหวานๆ น่ารักๆ ของ Hello Kitty , My Melody และ Cinnamoroll ที่ Huashan 1914 Cresative Park พอดี ซึ่งงานจะจัดถึงวันที่ 4/7/19 นี้เท่านั้น ไม่เสียค่าเข้าชม
นอกจากนี้ยังมีงานของ “LINE Friends World Tour” เป็นนิทรรศการของเจ้าหมีบราวน์ และผองเพื่อน ซึ่งจัดถึงวันที่ 7/4/19 เช่นกัน ถ้าใครจะเข้าไปในส่วนของนิทรรศการต้องเสียค่าบัตรเข้าชมด้วย แต่ถ้าจะไปซื้อของที่ระลึกน่ารักๆ ไม่ต้องซื้อบัตร
ที่ Huashan 1914 Creative Park จะมีนิทรรศการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดที่นี่อยู่เรื่อยๆ และโดยปกติก็จะมีร้านค้า ร้านคาเฟ่ให้ผู้คนได้มาช็อปแอนด์ชิลด์กัน โดยเฉพาะคนที่ชอบสินค้าแฮนด์เมด มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน แต่กระซิบว่า ราคาสูงนิดนึงนะ สำหรับคนนั่งรถไฟฟ้า มาลงที่ MRT Zhongxiao Xinshen (BL14,O07) , Exit 1 หรือ MRT Shandao Temple (BL13) , Exit 6 แล้วเดินต่ออีกนิดก็มาถึงที่นี่แล้ว
และถ้าใครมีเวลาเยอะหน่อย แนะนำให้ไปเดินเล่นกันต่อที่ Syntrend เป็นห้างที่ขายพวกอุปกรณ์ IT และ gadgets ต่างๆ รวมถึงพวกกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ด้วย ที่ห้างนี้ถ้าซื้อของครบ NT$2,000 ยังทำเรื่องขอคืนภาษี หรือ Tax Refund ได้อีก แต่ต้องไปรับเงินคืนที่สนามบินนะ
เรามีนัดมากินชาบูหมาล่ากับเพื่อนคนไต้หวันที่ร้าน Mala Yuanyang Hot Pot ร้านนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เฉพาะในโซนซีเหมินติง (Ximending) มีสาขาของร้านนี้อยู่ถึง 5 แห่งด้วยกัน เราชอบไปกินที่สาขา Hankou เพราะเป็นแบบมีพนักงานมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ ไม่ต้องไปตักเองเหมือนสาขา Ximen บางทีคนเยอะๆ ก็เสียเวลากิน ต้องไปต่อแถวตักอาหารเอง แต่ถ้าคนชอบถ่ายรูป ถ่ายคลิป สาขา Ximen จะดูอลังการกว่า
ถ้าใครเป็นพวกสายเนื้อ แนะนำให้ไปที่ร้าน “Xin Mala Hot Pot” นะคะ ร้านนี้จะเป็นเนื้อเกรดพรีเมี่ยมแบบเสิร์ฟไม่อั้น ราคาแพงกว่า “Mala Yuanyang Hot Pot”
ส่วนร้านนี้ ถ้าใครจะสั่งเนื้อวากิวกับเนื้อหมูมัตสึซากะต้องจ่ายเงินเพิ่มคนละ NT$100 คิดราคาต่อหัวของทุกคนที่นั่งในโต๊ะนั้น ใครไม่กินก็ต้องจ่าย แต่ก็เสิร์ฟไม่อั้นเหมือนกัน ส่วนวันนั้น พนักงานทำน้ำดื่มที่โต๊ะเราหก เค้าก็เลยเสิร์ฟเนื้อวากิวมาให้เป็นการไถ่โทษ
ส่วนผักนี้ชื่อว่า “สุ่ยเหลียน” แนะนำว่า ถ้ามาถึงแล้วต้องสั่งให้ได้ อร่อยมากกกกกก กรุบๆ กรอบๆ เราชอบต้มในน้ำซุปแบบธรรมดาที่ไม่ใช่หมาล่านะ จะได้รสชาติผักที่ดีกว่า และไม่ควรต้มนานเกินไป ไม่งั้นมันจะเหนียว ไม่รู้ที่เมืองไทยมีผักชนิดนี้รึเปล่า แต่เห็นบอกว่า ต้องปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำสะอาดไหลผ่านเท่านั้น
ส่วนที่เราชอบมากินร้าน Mala Yuanyang Hot Pot มากกว่าร้าน Xin Mala เพราะเราไม่ใช่สายเนื้อ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ร้าน Mala Yuanyang Hot Pot เค้ามีผลไม้สดๆ ให้ตักกินด้วย เวลากินชาบูไปแล้ว ลองตัดเลี่ยนด้วยผลไม้สักนิด จะทำให้การกินชาบูมื้อนั้นอร่อยยิ่งขึ้นเลยล่ะ ไม่เชื่อลองดู
“มะม่วงผิงตง” จะมีเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคมเท่านั้น เป็นมะม่วงลูกเล็กๆ ดูจะกินยากนิดนึง แต่เค้าเอามาเสียบไม้แล้วให้เราฉีกเปลือกกัดกินได้เลย เหมือนกินไฮศกรีมนั่นล่ะ
“ไอศกรีมฮาเก้นดาส” ที่ตักได้ไม่อั้น มีเหมือนกันทุกสาขา จะตักใส่โคนแล้วถือออกไปกินข้างนอกก็ได้นะ
กินอิ่มแล้ว เดินเล่นที่ซีเหมินติง หรือสยามสแควร์เมืองไทยต่อได้เลย ที่นี่ร้านค้าเยอะแยะ ที่นี่ไม่ใช่ตลาดกลางคืนหรือไนท์มาร์เก็ตนะ พักหลังๆ จะเห็นคนเรียกแบบนี้กันเยอะเลย ก็ที่นี่เปิดขายตั้งแต่ช่วง 11 โมงเช้าไปจนเกือบๆ เที่ยงคืนนี่ล่ะ
แต่เรามาเดินบ่อยแล้ว เลยเลือกที่จะไปวัดหลงซาน “Longshan Temple” แทน ถ้านั่งรถไฟฟ้าก็ไปลงที่ “MRT Longshan Temple” ได้เลย แต่เราเลือกเดินแทน เพราะกินไปเยอะขนาดนั้น ต้องเอาออกซะบ้าง
ตั้งใจจะมาถ่ายรูปวัดหลงซานตอนกลางคืนซะหน่อย เพราะเราว่าช่วงกลางคืนจะดูมีเสน่ห์ลึกลับดี แต่ดันลืมเปลี่ยน white balance ซะงั้น รูปเลยออกมาแปลกๆ นิดนึง และช่วงที่เราไปถึง ฝนเริ่มตกหนักแล้วด้วย เก็บภาพมาได้แค่นิดเดียวเอง
2 คืนในไทเป เรานอนที่ PoshPacker Hotel ซึ่งเราเคยมาพักที่นี่หลายรอบแล้วล่ะ ติดใจตรงที่สะดวก เดินจากสถานีรถไฟฟ้าสาย Taoyuan Airport MRT สถานี A1 Taipei Main Station ที่จะไปกลับสนามบินได้สะดวกมากๆ เดินไม่ถึง 3 นาที อีกอย่างคือ เรื่องของความปลอดภัย ที่นี่เค้าใช้ระบบคีย์การ์ด ที่เราต้องแตะบัตรตั้งแต่ตอนขึ้นลิฟท์ เข้าชั้นที่พัก เข้าห้องพัก และแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ ก็ต้องแตะคีย์การ์ดด้วย
ที่ PoshPacker Hotel นี่เหมาะสำหรับการเข้าพักคนเดียวนะ และห้องพักของที่นี่ส่วนใหญ่ก็ทำไว้สำหรับนักเดินทางคนเดียวเช่นกัน เป็นห้องส่วนตัว ที่มีทีวี แอร์ ตู้เย็น และตู้เซฟครบครัน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบนอนโฮสเทล หรือจะนอนโรงแรมก็แพงเกินไปนั่นล่ะ ถ้าจองล่วงหน้า ราคาเริ่มต้นยังไม่ถึง 1,000 บาทเลย ถูกและดีมีที่นี่จ้า คลิกจองที่ลิงก์นี้ได้เลย >>> PoshPacker Hotel
ด้วยความที่เป็นห้องพักเดี่ยว ดังนั้นต้องใช้ห้องน้ำรวมนะ แต่ห้องน้ำนี่เค้าแยกชั้นระหว่างชาย-หญิงด้วย ไม่ได้ใช้รวมกัน นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราชอบ เพราะบางที่เค้าให้ใช้ปนกัน รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่
แค่วันเดียวยังเล่าได้ยาวขนาดนี้ พรุ่งนี้มาต่อวันที่ 2 นะคะ มารอดูว่า เราไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เพราะถ้าเล่าทีเดียวจบ มันจะยาวเกินไป เดี๋ยวจะขี้เกียจอ่านกัน ^^
ตามชมตอนที่ 2 ต่อได้ที่ลิงก์นี้ >>> ตอนที่ 202 : เที่ยว “ไต้หวัน” ไม่ถึงหมื่น (2)
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในไต้หวันเพิ่มเติมได้จากลิงก์ข้างล่างนี้ค่ะ
https://www.1000milesjourney.com/all-about-taiwan-by-1000miles/
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางสะสมไมล์ต่อไปของเรานะคะ
..หนึ่งพันไมล์..
2019.03.31