ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน จาก Tbilsi ไป Kazbegi เราใช้เส้นทาง Georgian Military Highway ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีปลายทางอยู่ประเทศรัสเซีย (แต่เราไปไม่ถึงรัสเซียนะ ไกลเกิ๊นนน ^^) โดยมีจุดแวะเที่ยวทั้งหมด 8 ที่ด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ Tbilisi → Mtskheta → Gudauri → Kazbegi จริงๆ มากกว่านี้นะ แต่เรามีเวลาไม่เยอะ เลยไปได้แค่นี้เอง
1. The Chronicle of Georgia >>> https://goo.gl/maps/SPg2URcgt18o5o6Q8
2. Jvary Monastery >>> https://goo.gl/maps/MNCpxn8B7WMNRaRB8
3. Svetiskhoveir Cathedral >>> https://goo.gl/maps/iUhW6BhiGCJa874X9
4. Ananuri Fortress Complex >>> https://goo.gl/maps/3hnnVhUF2KiCwG886
5. Russia-Georgia Friendship Monument >>> https://goo.gl/maps/QGQ3mjYHTAnQ5fg47
6. Gergeti Trinity Church >>> https://goo.gl/maps/tnPD45dHcX8nzrXEA
7. Jvari Pass >>> https://goo.gl/maps/7RoqTWeKis9B8QEY6
8. Kobi – Gudauri Gondola >>> https://goo.gl/maps/WnnYNPa4KVVXxgxv7
เป็นจุดแรกที่เราแวะเที่ยวตามเส้นทาง Georgian Military Highway ขับรถออกจากในเมือง Tbilisi มาประมาณครึ่งชั่วโมง ตามพิกัด GPS พาเรามาทางฝั่งที่ต้องเดินขึ้นบันไดสูงๆ แต่พอขึ้นถึงข้างบนถึงได้เห็นว่า มีฝั่งที่รถยนต์ขับขึ้นมาถึงด้านบนได้เลยนี่นา
ที่นี่อนุสาวรีย์ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของประเทศจอร์เจียผ่านเสาหินต้นใหญ่ จำนวน 16 ต้น โดยมีความสูงถึง 30-35 เมตร หรือความสูงประมาณตึก 10 ชั้นแน่ะ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1985 โดยส่วนบนของต้นเสา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์ ราชินี และวีรบุรุษ และส่วนล่างของต้นเสาแสดงถึงเรื่องราวของพระคริสต์ จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวของเมือง Tbilisi แบบมุมกว้างด้วย
อารามศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงแห่งศาสนาคริสต์ นิกายออโธดอกซ์ ของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสตวรรษที่ 6 และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1994 ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ จากด้านบนเราจะได้เห็นวิวมุมกว้าง และการบรรจบกันของแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi
ที่นี่ยังเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “อารามแห่งไม้กางเขน” (Monastery of the Cross) จะเห็นว่ามีไม้กางเขนขนาดใหญ่อยู่กลางโถง โดยปกติการเข้าไปเยี่ยมชมวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้ สำหรับผู้หญิงต้องมีผ้าคลุมผม และใส่กระโปรงหรือกางเกงขายาวเท่านั้น บางที่เค้าจะมีผ้าให้ยืมตรงบริเวณทางเข้าโบสถ์ด้วย
มุมนี้เราจะได้เห็นแม่น้ำ 2 สาย คือ Mtkvari และ Aragvi มาบรรจบกัน จะเห็นแบ่งเป็น 2 สีชัดเจนเลย และฝั่งขวามือที่เห็น ก็คือเมือง Mtskheta นี่เอง สำหรับเมืองนี้สามารถจัด one day trip มาจาก Tbilisi ก็ได้ ยังมีโบสถ์ วิหาร และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งให้ได้เที่ยวกัน
โบสถ์ของศาสนาคริสต์ นิกายออโธดอกซ์ อีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมือง Mtskheta เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของจอร์เจีย ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย ปัจจุบันเป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศจอร์เจีย รองจากวิหาร Holy Trinity โบสถ์แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝังศพของกษัตริย์ตลอดหลายศตวรรษ และถือว่าเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศจอร์เจีย เสียดายช่วงที่เราไปโบสถ์มีการบูรณะซ่อมบำรุงอยู่
รอบๆ บริเวณ Svetiskhoveir Cathedral นี้ มีร้านขายอาหารและของที่ระลึกอยู่เพียบเลย ถ้าใครมีเวลามากพอ อย่าลืมเดินเที่ยวกันด้วยนะ
ด้วยความที่ประเทศจอร์เจียผ่านศึกสงครามมาเยอะ จึงมีป้อมปราการตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ และ Ananuri Fortress Complex ก็เป็นป้อมปราการอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งบนแม่น้ำ Aragvi ภูมิภาค Mtskheta-Mtianeti จุดเริ่มต้นของอ่างเก็บน้ำ Zhinvali reservoir มีความสูง 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล
สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2003 ภายในประกอบด้วยป้อมปราการ หอระฆัง โบสถ์ (Church of the Mother of God, Church of the Deity, “Mkurnali” Church) ห้องขังแปดเหลี่ยม และอ่างเก็บน้ำ
พวกเรามีเวลาน้อย เลยเก็บภาพแค่ด้านนอกเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปดูข้างในเลย
ด้านข้างของ Ananuri Fortress Complex มีตลาดขายของที่ระลึกเป็นแถวยาวเรียงไป 2 ข้างทาง ราคาแอบแรงนิดนึง ไม่แน่ใจว่าต่อราคาได้รึเปล่า เราได้แต่เดินผ่านอะ
แอบกระซิบนิดนึง ที่นี่ห้องน้ำสะอาดและฟรีนะ (เคยเห็นรีวิวหลายๆ ที่ว่า ห้องน้ำสาธารณะที่จอร์เจียสกปรกมาก และบางที่ยังต้องเสียเงินด้วย)
ระหว่างทาง รถบรรทุกเยอะมาก ใครที่จะขับรถเที่ยวในเส้นทาง Georgian Military Highway หรือทางที่จะไป Gudauri และ Kazbegi อย่าลืมเผื่อเวลากันด้วยนะ บางครั้งจะติดเวลาปิดถนนเพื่อให้รถฝั่งตรงข้ามผ่าน บางคนติดอยู่ 2-3 ชั่วโมงเลย หรือบางช่วงหิมะตกหนักจนต้องปิดถนนด้วย
มีช่วงหนึ่งที่อุโมงค์เยอะ จะน่าหวาดเสียวตอนที่มีรถบรรทุกวิ่งสวนทางนี่ล่ะ
เป็น checked point ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เป็นอีกหนึ่งจุดแวะพักที่สำคัญของเส้นทาง Georgian Military Highway นี้ ซึ่งอนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1983 เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปีของสนธิสัญญา Georgievsk และมิตรภาพระหว่างประเทศรัสเซียกับจอร์เจีย มีการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาตร์และวิถีชีวิตของทั้ง 2 ประเทศผ่านกระเบื้องโมเสกที่ประดับอยู่บนอนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่
จากที่จอดรถกว่าจะเดินมาถึงตรงส่วนของอนุสาวรีย์นี้ก็ยากอยู่เหมือนกันนะ เพราะหิมะหนามาก และบางช่วงข้างล่างเป็นโพรง พอเหยียบไปเท้าก็จะจมลงไปในหิมะเลย เห็นว่า ก่อนที่เราจะมาไม่กี่วันมีหิมะตกหนักถึงขนาดต้องปิดเส้นทางนี้ด้วย แต่พอปลายเดือนเมษายน หิมะละลายหมดจนเห็นเป็นพื้นดินสีน้ำตาล และถ้าเป็นช่วงซัมเมอร์ ตรงนี้ก็จะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวตัดกับโมเสกสีสดใส สวยไปอีกแบบ
มุมนี้สามารถมองเห็นหุบเขาปีศาจ (Devil’s Valley) ส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัสด้วยวิวเทือกเขาคอเคซัสได้แบบ 360 องศาเลย
ตอนดูรีวิวของคนอื่นๆ ก็อยากนอนโรงแรมหรือรีสอร์ทที่มีวิวข้างหลังเป็นภูเขาหิมะสูงๆ แต่เราดูแล้วว่า ช่วงที่ไป หิมะไม่ได้เยอะขนาดนั้น และถ้าหิมะไม่ตกอีก วิวน่าจะไม่สวยเท่าไหร่ ก็เลยเลือกที่จะพักที่ Northgate Hotel Kazbegi แทน โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนัก และยังดูใหม่อยู่เลย ราคา 137 GEL (1,500THB) ไม่มีอาหารเช้า แต่มีชา กาแฟ และน้ำดื่มให้ตลอดเวลา
ทางไปจอง >>> https://bit.ly/38opPar
ในส่วนของห้องอาหาร มองเห็นวิวภูเขาหิมะ และ Gergeti Trinity Church ไกลๆ ได้จากกระจกหน้าต่างบานใหญ่นี้ด้วย เดี๋ยวอีกสักพักเราจะได้ขึ้นไปสัมผัสความงามกันใกล้ๆ แล้ว
หลังจากจัดการกับอาหารเช้าและเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมเรียบร้อย พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่ Gergeti Trinity Church กัน ช่วงที่เราไปหิมะยังปกคลุมเส้นทางขึ้นโบสถ์อยู่ รถธรรมดาไม่สามารถขึ้นได้ ต้องเป็น 4WD เท่านั้น เราจึงต้องจอดรถไว้ด้านล่าง และเหมารถตู้ขึ้นมาอีกที ค่าบริการ 70GEL (ไป-กลับ) มีจอดให้ถ่ายรูป 2 จุด คือ บนโบสถ์ และตรงลานข้างล่างที่จะเห็นโบสถ์จากมุมไกลๆ เอาจริงๆ ไม่ค่อยประทับใจคนขับสักเท่าไหร่ เพราะให้เวลาน้อยมาก กว่าจะเดินฝ่าหิมะจากตรงที่จอดรถด้านบนขึ้นมาถึงโบสถ์ได้ก็ใช้เวลาสักพักแล้ว เหลือเวลาให้ถ่ายรูปตรงโบสถ์นิดเดียวเอง หรือจะเดินชมวิวจากข้างล่างขึ้นมาเลยก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่แนะนำว่าให้เป็นช่วงที่ไม่มีหิมะจะดีกว่า เพราะทั้งหิมะและดินโคลน ทำให้เดินยากและลื่นด้วย
Tsminda Sameba Church คืออีกชื่อหนึ่งของ Gergeti Trinity Church
โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา Kazbegi ความสูงกว่า 2,170 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีฉากหลังเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวไฮไลท์สำหรับคนที่มาเที่ยวจอร์เจียเลย ที่สำคัญคือ ไม่ไกลจาก Tbilisi ด้วย เสียดายแต่ว่า เราไปถึงช่วงเช้า เพราะจะถ่ายรูปด้านหน้าโบสถ์ ก็เจอย้อนแสงเข้าไปเต็มๆ
นี่เป็นอีกมุมนึงที่รถตู้จอดให้ถ่ายรูป แต่แค่แปบเดียวนะ เรียกว่า หย่อนเท้าลงไปไม่ถึง 3 นาที ก็เร่งให้ขึ้นรถแล้ว ไม่รู้ว่าคนขับรถคันอื่นๆ เป็นแบบนี้ด้วยมั้ย
ดูสภาพถนนระหว่างทางขึ้นไป Gergeti Trinity Church ได้จากลิงก์นี้ค่ะ >>>
https://www.instagram.com/p/CcPtcynABnp/
ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 11/4/22
เป็นทางผ่านภูเขาที่มีความสูง 2,395 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนหนึ่งของถนนสาย Georgian Military Highway ที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง Tbilisi ของประเทศจอร์เจีย และเมือง Vladikavkaz ของประเทศรัสเซีย มีความยาวทั้งหมด 212 กม. เป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งสินค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ จึงทำให้เราเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งกันจำนวนมาก
ใกล้ๆ กันนี้จะเป็นจุดปล่อยพาราไกดิ้ง (Paragliding) เป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวโซนนี้กันเลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 200-300 GEL
ว่าไป ภูเขาหิมะขนาดใหญ่นี้ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกตาสำหรับเรามากนัก เพราะเคยเดินทางไปยังประเทศที่มีภูมิประเทศคล้ายๆ ลักษณะนี้มาบ้างแล้ว แต่พอไม่ได้ออกต่างประเทศถึง 2 ปีกว่า พอได้มาเห็นอีกครั้ง ถึงกับร้องว้าวไม่หยุดเลย ประจวบเหมาะกับช่วงที่เราไป ยังมีหิมะปกคลุมอยู่เต็มภูเขา เป็นอีกวิวหนึ่งที่คาดหวังไว้ว่าจะต้องมาเจอ แต่ถ้าใครมาช่วงฤดูร้อน ก็จะได้เห็นเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวแทนนะ
ระหว่างทางเห็นกระเช้าลอยฟ้าลอยผ่านไปมา ถึงกับต้องรีบหาข้อมูลว่าเป็นกระเช้าอะไร นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถขึ้นไปได้มั้ย และสถานีขึ้นกระเช้าอยู่ตรงไหน
คำตอบคือ เป็นกระเช้าลอยฟ้าที่วิ่งระหว่างเมือง Kobi และ Gudauri นอกจากให้บริการสำหรับคนที่มาเล่นสกีแล้ว ในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกหนักจนต้องปิดถนน ผู้คนทั่วไปก็จะใช้กระเช้าลอยฟ้านี้เดินทางระหว่างเมืองแทน
ถ้าใครไม่ได้เล่นสกีที่ Gudauri ก็สามารถมาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าได้เหมือนกัน ใกล้ๆ กับ Gudauri Ski Resort เราซื้อตั๋วโดยสารแบบไปกลับ ราคา 10GEL ก็ได้นั่งกระเช้าไปชมวิวสวยๆ ด้านบนแล้ว
นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นสกีที่ Gudauri ในช่วงเดือนธันวาคม – เมษายน เห็นว่าค่าใช้จ่ายไม่แพงด้วย ทั้งค่าเรียนและค่าเช่าอุปกรณ์ ในสกีรีสอร์ทบางที่จะมีให้บริการครบชุด ถ้าใครชอบกิจกรรมผาดโผนในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยนะ ได้เห็นวิวสวยๆ ในราคาจับต้องได้
สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นสกี หรือไม่ได้พักบนสกีรีสอร์ทแถวนี้ นั่งกระเช้าขึ้นมานั่งจิบกาแฟท่ามกลางภูเขาหิมะ แค่นี้ก็ฟินมากแล้ว จริงๆ อยากอยู่ข้างบนนานกว่านี้ แต่เมฆดำลอยมาแต่ไกล จนต้องรีบเพ่นหนีก่อน กลัวจะติดฝนอยู่ข้างบน
สำหรับใครที่จะมาแถวนี้ อย่าลืมเช็กพยากรณ์อากาศกันดีๆ นะคะ
อย่างช่วงที่ไป วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เราลงมาแล้ว ฝนตกหนักถึงขนาดที่สกีปิดทุกที่ และนักท่องเที่ยวออกจากรีสอร์ทกันไม่ได้เลย โชคดีที่ได้ขึ้นไปเที่ยวข้างบนมาก่อนแล้ว
รีวิวตอนอื่นๆ ของทริปจอร์เจีย จากลิงก์นี้ค่ะ
แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ขับรถเที่ยวจอร์เจีย
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางสะสมไมล์ต่อไปของเรานะคะ
..หนึ่งพันไมล์..
2022.05.13