เพื่อให้ง่ายในการวางโปรแกรมเที่ยวไต้หวัน มาดูวิธีการเดินทางระหว่างไทเปและทาโรโกะก่อนเลย
รายละเอียดเพิ่มเติม : [รีวิวไต้หวัน] ตอนที่ 249 : วิธีการเดินทางระหว่างไทเป (Taipei) และทาโรโกะ (Taroko)
เพื่อให้ง่ายในการวางโปรแกรมเที่ยวไต้หวัน มาดูวิธีการเดินทางระหว่างไทเปและทาโรโกะก่อนเลย
รายละเอียดเพิ่มเติม : [รีวิวไต้หวัน] ตอนที่ 249 : วิธีการเดินทางระหว่างไทเป (Taipei) และทาโรโกะ (Taroko)
สำหรับการไปเที่ยวทาโรโกะ (Taroko) ในครั้งนี้ ด้วยความขี้เกียจย้ายโรงแรม เราจึงเลือกจัดโปรแกรมแบบ “One day trip” โดยนั่งรถไฟจากไทเป (TRA Taipei) ไปที่ฮัวเหลียน (TRA Hualien) และซื้อบริการรถบัสนำเที่ยวแบบเดย์ทริปของ KKday เพราะสะดวกมาก ๆ ไม่ต้องมาคอยดูตารางเวลารถบัสด้วย
ซื้อเดย์ทริป ได้ที่ลิงก์นี้ >>> https://bit.ly/taroko_kkday
จองตั๋วรถไฟไต้หวัน ได้ที่ลิงก์นี้ >>> Taiwan Railway
เช็กข่าวสารการเปิด-ปิดของจุดท่องเที่ยวในทาโรโกะ ได้ที่ลิงก์นี้ >>> Taroko news
ตอนจะเข้าไปในสถานีรถไฟ อย่าลืมดูป้ายดี ๆ นะ เพราะสถานีรถไฟธรรมดา (TRA) และสถานีรถไฟความเร็วสูง (HSR) จะอยู่ตรงข้ามกันเลย ถ้าไม่แน่ใจ เอาตั๋วรถไฟให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา
ในสถานีรถไฟไทเป (TRA Taipei) ถ้าจะไปทางฮัวเหลียน ให้มาขึ้นรถไฟที่ชานชาลา 4 (Platform 4) ตรงนี้ไม่ต้องจำก็ได้ อาศัยดูป้ายบอกทางเอา ไม่หลงแน่นอน
พอลงมาถึงชานชาลาที่ 4 แล้ว จะเห็น 2 ฝั่งซ้ายขวา คือ 4A และ 4B แรก ๆ จะงงว่าต้องขึ้นรถไฟฝั่งไหน
วิธีการง่าย ๆ คือ ดูป้ายไฟที่ชานชาลา ซึ่งมีทั้งภาษาจีน และภาษาอังกฤษ โดยเทียบกับ “หมายเลขขบวนรถ” หรือดู “เวลารถออก” ก็ได้
เราเลือกนั่งรถไฟรอบเช้านี้ คือ 06.13 น. จะไปถึงที่ฮัวเหลียนตอน 08.19 น. และทางทัวร์ได้นัดหมายเวลาไว้ตอน 08.50 น.
รถไฟไต้หวันตรงเวลานะ มีน้อยครั้งมาก ๆ ที่จะดีเลย์ ตรงนี้ทำให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่าย ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก
สำหรับคนที่มาเที่ยวเอง ซื้อตั๋วรถบัสได้ที่นี่เลย
เนื่องจากช่วงนี้ทางทาโรโกะมีปิดซ่อมจุดท่องเที่ยวบางแห่ง รวมถึงมีการควบคุมการจราจร (Traffic Control) ถนนบางเส้นอยู่ แนะนำให้มาอ่านประกาศในนี้ก่อนนะคะ จะได้วางแผนการท่องเที่ยวได้ถูก อย่างเช่น แต่เดิม Taiwan Tourist Shuttle Bus No.310 จะต้องมีการจอดรถตามจุดต่าง ๆ ในทาโรโกะ แต่ช่วงนี้จะวิ่งแค่ระหว่าง TRA Hualien Station – Taroko Visitor Center เท่านั้น
ที่ Hualien Bus Station มีล็อคเกอร์ให้ฝากกระเป๋าด้วย
นั่งรถมาเกือบ ๆ ชั่วโมง เริ่มเข้าเขตอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko) แล้ว นี่ขนาดมาแต่เช้านะ ยังติดช่วงที่เค้าควบคุมการจราจรอีก คนขับรถกลัวพวกเราจะเบื่อ เลยให้ลงไปยืดเส้นยืดสายและถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ
จุดแรกของโปรแกรมในวันนี้ คือ Buluowan Suspension Bridge (布洛灣吊橋) ถ้าใครไปดูรีวิวเก่า ๆ จะเห็นชื่อ Shanyuan Suspension Bridge ซึ่งก็คือชื่อเดิมของสะพานแห่งนี้ แต่เพิ่งจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อ Buluowan Suspension Bridge เมื่อเดือน 5/2022
และสะพานแขวน Buluowan ที่เราเห็นกันนี้ จัดว่าเป็น Episode ที่ 4 แล้ว สะพานแขวน EP1 สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1914 สมัยสงคราม Truku War (太魯閣戰爭) ที่ชาวพื้นเมือง Truku ลุกฮือต่อต้านกองกำลังญี่ปุ่นที่เข้ามาปกครองไต้หวันในสมัยนั้น
ถ้าถามว่า สะพานแขวน Buluowan น่ากลัวมั้ย
ส่วนตัวคิดว่าไม่น่ากลัวนะ เพราะเป็นสะพานที่ดูมั่นคงแข็งแรงดี มีความยาวทั้งหมด 196 เมตร กว้าง 2.5 เมตร และข้ามหุบเขา Liwu ที่ความสูง 152 เมตร เป็นสะพานที่สูงที่สุด และยาวที่สุดในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะนี้ ถ้ามาเดินเที่ยวช่วงที่ลมแรง ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังกันนิดนึง
และที่สำคัญคือ ถ้าใครวางโปรแกรมมาเที่ยวที่นี่ อย่าลืมดูวันหยุดให้ดีนะ สะพานแขวน Buluowan ปิดทุกวันจันทร์แรก และวันจันทร์ที่สามของเดือน หากวันจันทร์นั้นตรงกับวันหยุด ก็จะเลื่อนออกไป
ด้านนี้จะเห็นความคดเคี้ยวของแม่น้ำ Liwu ที่ไหลผ่านช่องเขา ดูยิ่งใหญ่อลังการดีนะ เสียดายว่า เรามาช่วงหลังไต้ฝุ่นไม่นาน น้ำในแม่น้ำก็เลยดูขุ่น ๆ เป็นสีเทา ไม่ใสเท่าไหร่
จุดต่อไป คือ Yanzikou (Swallow Grotto / 燕子口) ที่นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับคนมาเที่ยวทาโรโกะเลย โดยสังเกตจากภาพรีวิวที่มักจะเห็นแม่น้ำ Liwu สีเทอควอยซ์ที่ไหลผ่านหุบเขาอันยิ่งใหญ่ เป็นธรรมชาติที่แปลกตาไปอีกแบบ ไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยมีแบบนี้บ้างรึเปล่า และเสียดายมาก ๆ ที่ตอนเราไป แม่น้ำขุ่นเป็นสีเดียวกับหุบเขาเลย เพราะไปหลังไต้ฝุ่นไม่นาน และที่ทาโรโกะนี่ก็มักจะได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นเป็นประจำเลย
ถ้ำแห่งนี้เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ และน้ำใต้ดิน ทำให้เกิดเป็นโพรงถ้ำเล็ก ๆ ตามหน้าผาหินอ่อน และมีฝูงนกนางแอ่นบินมาทำรังเป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่าเป็น “ถ้ำนกนางแอ่น” หรือ “เยี่ยน จื่อ โข่ว”
จาก Swallow Grotto เดินมาเรื่อย ๆ ก็ถึง Tunnel of Nine Turns (Jiuqudong / 九曲洞) บางคนเรียกที่นี่ว่า “ถ้ำเก้าโค้ง” ที่นี่เพิ่งเปิดให้เที่ยวอีกครั้งเมื่อก่อนโควิดไม่นานนี้เอง เพราะมีการปิดซ่อมไปนานถึง 6 ปี โดยการขุดอุโมงค์และเสริมตาข่ายป้องกันหินหล่นลงมาใส่นักท่องเที่ยว
Tunnel of Nine Turns มีความยาวทั้งหมด 1,220 เมตร เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดของทางหลวง Central Cross-Island Highway โดยมีทางเดินประมาณ 700 เมตรที่เลียบไปกับหน้าผา และแม่น้ำ Liwu ที่เป็นส่วนที่ดีที่สุดของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ
มื้อกลางวัน สำหรับคนที่ไม่ได้จองเดย์ทริปแบบรวมอาหารมาด้วย คนขับรถจะจอดส่งพวกเราที่ Tianxiang (天祥) ก่อน แถวนี้มีร้านอาหารอยู่หลายร้านเลย แต่ออกสไตล์อาหารท้องถิ่น หรือโลคอลจริง ๆ เลยนะ ลองเดิน ๆ ดูก่อน ถ้าไม่ถูกใจ จะไปฝากท้องที่ 7-Eleven ก็ได้ มีอยู่ที่เดียวนั่นล่ะ
แถว Tianxiang นี้ มีการบรรจบกันของแม่น้ำ Dasha River และ Taci Jili River มาเป็นสายเดียว แล้วเป็น Liwu River นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้า The Sakuma Samata Shrine ที่สร้างขึ้นเมื่อช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวัน และด้านบนโน้นยังมีโบสถ์คริสต์ และที่เห็นไกล ๆ คือ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์สีขาว และเจดีย์ 7 ชั้นที่ Xiangde Temple เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน
หลังจากกินมื้อเที่ยงจนอิ่มตื้อ ทีนี้ก็ได้เวลามาออกกำลังกายกันแล้ว จุดหมายต่อไป คือ Xiaozhuilu Trail (小錐麓步道) โดยเค้าจะมาส่งพวกเราที่ปากทางถ้ำ Shakadang Tunnel แล้วให้ค่อย ๆ เดินชื่มชมสัมผัสธรรมชาติยามบ่ายกัน
Xiaozhuilu Trail (小錐麓步道) ถูกจัดให้เป็นเส้นทางเดินเทรล Level 2 ของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ มีความยาวทั้งหมด 1,050 เมตร ใช้เวลาเดินเที่ยวเดียว ประมาณ 40 นาที เราชอบเส้นทางเดินเทรลของที่นี่ ตรงที่เค้าทำไว้สะอาด และเดินง่าย รวมถึงมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ๆ ด้วย ทีแรกก็กลัวว่าจะหลงนะ เพราะตอนลงรถแล้วไปเข้าห้องน้ำก่อน ออกมาอีกที คนอื่นหายไปกันหมดแล้ว แต่ก็เดินไปตามทางเรื่อย ๆ นี่ล่ะ
เค้าทำทางเดินได้เข้ากับธรรมชาติของที่นี่ดีนะ เหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และเราที่เป็นนักท่องเที่ยวได้เดินอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำ Liwu อีกด้านเป็นป่าที่มีต้นไม้หนาทึบ นอกจากนี้ยังมีสะพานแขวนให้เดินข้ามด้วย แต่ถ้าใครกลัวความสูง จะเดินทางสะพานข้าง ๆ ที่ดูมั่นคงกว่าก็ได้
สุดทางเดินของ Xiaozhuilu Trail จะมาบรรจบกับจุดเริ่มต้นของ Shakadang Trail (砂卡噹步道) ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือ สะพานสีแดง ๆ ใหญ่ ๆ ที่ตัดกับแม่น้ำสีเทอควอยส์นี่ล่ะ ตรงนี้น่าจะได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นลูกที่ผ่านมาน้อยหน่อย น้ำจึงยังเป็นใสได้ขนาดนี้ ไม่เหมือนกับตรง Swallow Grotto (Yanzikou) ที่เพิ่งไปเมื่อเช้า
แต่ครั้งนี้เราไม่ได้เดินเทรลเส้นทางนี้นะ เพราะเวลาจำกัด
Shakadang Trail (砂卡噹步道) แต่ก่อนชื่อว่า “เส้นทางหุบเขาลึกลับ” (Mysterious Valley Trail) แต่เปลี่ยนมาชื่อ “Shankadang” เมื่อปี 2001 เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินกันนะ เส้นทางเดินง่าย ๆ ความยาว 4,100 เมตร ใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่เที่ยวแบบเดย์ทริป ไม่ต้องเดินครบเต็มเส้นทางก็ได้ มันจะเหนื่อย และใช้เวลานานเกินไป
จุดแวะเที่ยวสุดท้ายก่อนที่จะออกจากอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ คือ Changchun (Eternal Spring) Shrine (長春祠) ซึ่งศาลบรรพชนแห่งนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงทหารผ่านศึก จำนวน 226 นาย ที่ได้เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างทางหลวงสาย the Central Cross-Island Highway ระหว่งปี 1956~1960
คิดว่านักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเที่ยวที่นี่ ต้องได้มาที่ Changchun (Eternal Spring) Shrine แน่นอน อาจจะเป็นจุดแวะเที่ยวที่แรก หรือที่สุดท้ายของทริป เพราะอยู่ใกล้กับซุ้มประตูทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ด้านในมีถ้ำเจ้าแม่กวนอิมให้สักการะด้วย
จุดสุดท้ายของโปรแกรมเที่ยวทาโรโกะแบบเดย์ทริป คือ Qixingtan (七星潭) ชายหาดที่นี่ไม่ได้เป็นหาดทรายแบบบ้านเรา แต่เป็นหาดหินกรวดสีดำและสีขาวมันวาว จากตรงนี้ เราจะได้เห็นมหาสมุทรแปซิฟิคที่กว้างใหญ่ เราไปถึงช่วงเย็น ๆ เห็นคนไต้หวันมาตั้งวงปิคนิครอชมพระอาทิตย์ตกกันเพียบเลย หรือบางคนก็มาปั่นจักรยานเล่นกัน ซึ่งมีเส้นทางปั่นจักรยานริมหาดยาวถึง 21 กิโลเมตรเลย
จบจากชายหาดฉีซิงถานแล้ว คนขับมาส่งพวกเราที่สถานีรถไฟฮัวเหลียน ตรงจุดนี้ถ้าใครยังไม่เคยมาเที่ยวเมืองฮัวเหลียน อยากแนะนำให้ไปเที่ยวตลาดกลางคืนตงต้าเหมิน (Dongdamen Night Market) ก่อน เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่แห่งหนึ่งฝั่งตะวันออกนี้เลย และมีของกินอร่อย ๆ เพียบ ซึ่งถ้าใครจะไปจะไปตลาดกลางคืนต่อ คนขับรถเค้าก็พาไปส่งด้วย แต่ตอนขากลับให้นั่งแท็กซี่หรือรถเมล์กลับมาที่สถานีรถไฟฮัวเหลียนเองนะ หลังจากนั้นค่อยนั่งรถไฟกลับไทเปก็ได้ จะได้จบทริป ไทเป – ทาโรโกะ แบบวันเดียว (Taipei – Taroko one day trip) ก็เที่ยวได้โดยสมบูรณ์แบบ
ส่วนเราเคยไปที่ตลาดกลางคืนตงต้าเหมิน (Dongdamen Night Market) หลายรอบแล้ว ก็เลยเลือกที่จะนั่งรถไฟกลับไทเปเลย ขากลับได้ขึ้นรถไฟขบวน EMU3000 หรือ T.C. Ltd. Express สั่งข้าวกล่องรถไฟล่วงหน้าได้ด้วย เราสั่งตอนที่ไปรับตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟไทเป (TRA Taipei) ซึ่งเป็นขบวนเดียวที่จะจองข้าวกล่องรถไฟได้นะ และบนรถขบวนด่วนพิเศษแบบนี้ เอาอาหารขึ้นมากินได้เลย
ยังคงแนะนำจากใจนะคะ
ถ้าใครมาเที่ยวทาโรโกะในช่วงที่มีการปิดซ่อมแซมพื้นที่บางจุด และมีการควบคุมการจราจร ใช้บริการทัวร์แบบเดย์ทริปดีกว่า หรือถ้ามากันหลายคน จะเหมารถพร้อมคนขับก็ได้ เพราะถ้านั่งรถบัส เราจะทำเวลาไม่ได้ บางช่วงรถติดนาน รถบัสจะมาไม่ตรงเวลา และจะทำให้เที่ยวได้น้อยลง ไหน ๆ ก็นั่งเครื่องบินมาจากไทย และนั่งรถไฟมาจากไทเปแล้ว จ่ายแพงขึ้นอีกนิด แต่ได้เที่ยวเยอะกว่า ดีกว่าเนาะ 🙂
จองล่วงหน้ากับ KKday ได้เลย ที่ลิงก์นี้
– เที่ยวคนเดียว เลือกแบบนี้ Taroko day tour >>> https://bit.ly/taroko_kkday
– เที่ยวหลายคน เหมารถดีกว่า Taroko private day tour >>> https://bit.ly/tarokoprivatedaytour
โค้ดส่วนลดพิเศษจาก KKday สำหรับแฟนเพจ หนึ่งพันไมล์ ค่ะ
เพียงแค่ซื้อทัวร์ ซิมการ์ด หรือ wifi ของไต้หวัน ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป
ใส่โค้ด “1000MILESS”
จะได้รับส่วนลดทันที 5% หรือส่วนลดสูงสุด 350 บาท
ระยะเวลาการจอง : 1/11/66 – 29/2/67
ระยะเวลาเดินทาง : 1/11/66 – 30/4/67
ดูทัวร์ไต้หวันอื่น ๆ ได้จากลิงก์นี้ >>> https://bit.ly/tourintaiwan
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางสะสมไมล์ต่อไปของเรานะคะ
..หนึ่งพันไมล์..
2023.10.20