การเดินทางด้วยรถไฟ (TRA – Taiwan Railways Administration)
เป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางที่เราชอบมากๆ
เพราะมีเส้นทางครอบคลุมไปทั่วทั้งเกาะไต้หวัน และยังตรงต่อเวลาอีกด้วย
ทำให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้เลย ไม่ต้องคอยพะวงว่าแพลนจะไม่นิ่งรึเปล่า
แถมยังดูตารางเวลาเดินรถจากในเว็บไซต์ได้เลย
1. ผู้โดยสาร 1 คน สามารถจองตั๋วรถไฟได้สูงสุด 6 ใบต่อวันเดินทาง
2. จองล่วงหน้าได้ 14 วัน (รวมวันเดินทาง) ก่อนเดินทาง หมายถึง วันที่ต้องการโดยสารรถไฟ ไม่ใช่วันที่เดินทางไปไต้หวัน
3. หากเดินทางภายใน 2 วันนับจากวันที่จอง ต้องชำระเงินภายใน 1 วัน (24 ชั่วโมง)*
4. หากเดินทางหลังจาก 2 วันนับจากวันที่จอง ต้องชำระเงินภายใน 2 วัน*
*ตัดรอบที่เวลา 24.00 น. เวลาไต้หวัน = 23.00 น. เวลาไทย
https://www.railway.gov.tw/en/index.aspx
และกดคำว่า “Booking Online”
ถ้าจำลิงก์ไม่ได้ เข้า google และใส่คำว่า “Taiwan Railway” ก็จะมีลิงก์นี้ขึ้นมาเช่นกัน
เมื่อเข้ามาแล้ว จะเห็นหน้าตาแบบนี้
ตรงนี้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางและขบวนรถไฟให้เลือก
ถ้าเป็น “One Way Tickets Booking” หรือ “Round Trip Tickets Booking”
เราจะต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับรหัสย่อของสถานีรถไฟ และหมายเลขขบวนรถไฟก่อน
ซึ่งมันจะยากไปสำหรับมือใหม่หัดจองตั๋วรถไฟไต้หวัน
จากด้านซ้ายมือ จะเห็นว่ามีการค้นหา (search) ให้ 3 แบบ
แต่เราจะขอพูดถึงเฉพาะแบบ “Quick Search” กับ “Map Search” เท่านั้นนะ
เพราะมันเป็นวิธีการค้นหาง่ายที่สุดสำหรับคนเริ่มจองตั๋วรถไฟไต้หวัน
จะมีให้เลือกสถานีต้นทาง “From Station” สถานีปลายทาง “To Station”
และวันที่เดินทาง “Date and Time”
จาก From Station และ To Station จะมีแต่ชื่อสถานีหลักๆ ขึ้นมาให้เห็น
ถ้าต้องการไปสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ทั่วไป ก็เลือกจากตรงนี้ได้เลย เช่น
Taipei (ไทเป) จุดเริ่มต้นการเดินทางเที่ยวในไต้หวันของคนส่วนใหญ่
Taichung (ไถจง) ต่อรถบัสไปที่ Sun Moon Lake หรือ Cingjing Farm
Chiayi (เจียอี้) ต่อรถบัสไปที่ Alishan (อาหลี่ซัน)
Hualien (ฮัวเหลียน) เพื่อไปเที่ยว Taroko (ทาโรโกะ)
นอกจากจะมีสถานีต้นทาง “From Station” สถานีปลายทาง “To Station”
และวันที่เดินทาง “Date and Time” แล้ว ยังมีแผนที่เพิ่มขึ้นมาให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
อยากไปเมืองไหน ก็คลิกไปที่ชื่อเมืองหลักก่อน หลังจากนั้นจะมีสถานีย่อยๆ ขึ้นมาด้านขวามืออีกที
อย่าลืมคลิกเลือกว่าจะให้เมืองนั้นเป็นสถานีต้นทาง (From) หรือสถานีปลายทาง (To) ด้วยนะ
ยกตัวอย่างเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตที่คนไทยนิยมไปกัน
นั่นคือ อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park)
From : Taipei (ไทเป)
To : Hualien (ฮัวเหลียน)
เลือกวันที่ต้องการเดินทาง
ถ้าใครจะจองตั๋วรถไฟแบบไป-กลับ แนะนำให้แบ่งจองเป็น 2 ครั้ง คือ ขาไป และขากลับ
เพราะถ้าจะจองครั้งเดียวกัน ต้องเข้าไปที่ “Round Trip Tickets Booking”
ตรงนี้ต้องรู้รหัสสถานี และหมายเลขขบวนรถไฟก่อน ซึ่งจะยากไปสำหรับมือใหม่หัดจองตั๋ว
หลังจากนั้นจะเห็นมีตารางเวลาเดินทางขึ้นมา
ส่วนช่อง “Origin – Dest” นั้นไม่ต้องไปสนใจ!!!
เพราะเป็นเพียงการบอกต้นสาย – ปลายทางของรถไฟขบวนนั้นๆ
เหมือนเวลาเราจะนั่งรถไฟจากอยุธยาไปเชียงใหม่ แต่ต้นสายอยู่ที่หัวลำโพง
ฉะนั้นเราดูเฉพาะว่า สถานีต้นทาง – ปลายทาง เท่านั้นพอ
จะเห็นว่า เส้นทาง Taipei – Hualien ใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ 2 ชั่วโมง – 10 กว่าชั่วโมงโน้นเลย
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า รถไฟขบวนนั้นวิ่งผ่านสถานีไหนบ้าง
และจอดรับ-ส่งผู้โดยสารกี่สถานี
ค่าโดยสารรถไฟเส้นทาง Taipei – Hualien อยู่ที่ NT$340-440
ยกเว้นเส้นทางอ้อมโลกที่ราคาโดดไปที่ NT$1,193 ซึ่งอันนี้นักท่องเที่ยวส่วนน้อยจะนั่งกันเนอะ
บางขบวนใช้เวลาต่างกันนิดหน่อย แต่ค่าโดยสารถูกกว่ากันเป็นร้อย
เช่น ขบวนที่ 410 ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 19 นาที ค่าโดยสาร NT$440
และขบวนที่ 2 ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 38 นาที ค่าโดยสาร NT$340
ถ้าใครที่มีความยืดหยุ่นต่อราคา อาจจะปล่อยผ่านเลยไป
แต่ถ้ากลุ่มไหนไปกันหลายๆ คน ก็ประหยัดไปได้เยอะเลย
ก็จะมีหน้าขึ้นมา อย่าลืมดูอีกทีว่า
สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง และวันที่เดินทางถูกต้องหรือไม่
ถ้าเกินจากนี้ ต้องทำการจองอีกครั้ง
หน้านี้ให้ใส่ Random Numbers Check ตามที่เห็นด้านบน
อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งว่าถูกต้องตามที่ต้องการรึเปล่า
ถ้าถูกต้องและมั่นใจแล้วว่า เราจะเดินทางในวันเวลาดังกล่างจริงๆ
ก็กดจ่ายเงินตรง “Online Payment” ได้เลย
หรือถ้ายังไม่แน่ใจ จะขอคิดดูก่อน ก็มีเวลาให้ตัดสินใจจนถึง “Ticket taking due time”
และอย่าลืมว่า เวลาที่เห็นเป็นเวลาไต้หวันที่เร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมงด้วยนะ
ถ้าใครยังไม่จ่ายเงิน อย่าลืมจด “Reservation Number” หรือแคปหน้าจออันนี้เอาไว้ด้วย
เพราะถ้าเข้ามาจ่ายเงินทีหลัง ข้อมูลนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ทีนี้มาเข้าสู่ระบบการจ่ายเงินทางออนไลน์ “Online Payment” กันเลย
มีหน้าเงื่อนไขให้อ่านอีกนิดนึง
อย่าลืมติีก “เครื่องหมายถูก” เพื่อที่จะเข้าสู่ระบบการจ่ายเงินอย่างแท้จริง
“Start buying a ticket”
สำหรับผู้สูงวัย อายุ 65 ปี จะได้ราคาผู้สูงอายุ เฉพาะคนไต้หวัน เท่านั้น
คนต่างชาติต้องซื้อตั๋วในราคาปกติ
สำหรับพวกเราคนต่างชาติ ให้ติ๊กตรงช่อง “Check if you are a foreigner”
“ID No.” ใส่หมายเลขพาสปอร์ต ***ต้องเป็นของคนที่จะจองเท่านั้น
และหมายเลขการจอง “Booking Code”
ตรงนี้ล่ะที่บอกว่าสำคัญ ที่เคยบอกว่า ต้องจดหรือแคปหน้าจอเอาไว้
ถ้าไม่มีก็จ่ายเงินไม่ได้นะ
“Submit” ต่อเลย
*Booking Code ในหน้านี้ ก็คือ Reservation Number ของตอนที่เราจองตั๋วรถไฟนั่นล่ะ
อย่าลืม!!! ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
หมายเลขพาสปอร์ต รหัสการจอง หมายเลขรถไฟ เวลาเดินทาง จำนวนตั๋ว
ก่อนที่จะกด “Confirm” อีกครั้ง
เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการผิดพลาด
ระบบจะให้เราตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง (แหม…หลายครั้งเหลือเกิน)
ถ้าชัวร์แล้ว ก็กด “Confirm” ได้
มาถึงคราวที่ต้องจ่ายเงินจริงๆ แล้ว
ใส่หมายเลขบัตรเครดิต และรหัสหลังบัตรเหมือนระบบการจ่ายเงินทั่วไปเลย
และกด “Confirm Payment” เพื่อจะได้จ่ายเงินซะที
หน้าตาของใบที่จะเอาไปรับตั๋วเป็นแบบนี้
และอย่าลืมยื่นพร้อมหนังสือเดินทาง (Passport) เพราะเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่
จริงๆ แล้วเราจะนำใบจองไปแลกตั๋วที่สถานีรถไฟที่ไหนก็ได้
แต่ถ้าอยู่ในไทเป ก็มาแลกที่ Taipei Main Station ได้เลย
หากเกรงว่าจะมารับตั๋วที่สถานีก่อนออกเดินทาง 30 นาทีไม่ทัน
ไปรับตั๋วผ่านตู้อัตโนมัติที่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven , Family Mart , Hi-Life , OK ก็ได้
มีค่าธรรมเนียมใบละ NT$8
จะได้ตั๋วรถไฟหน้าตาแบบนี้ ซึ่งสามารถเอาไปขึ้นรถไฟได้เลย
ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีเมื่อไปรับตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ คือ
หมายเลขหนังสือเดินทาง (Passport No.) และรหัสการจอง (Booking Code)
ดังนั้นหากเป็นมือใหม่หัดเที่ยวไต้หวัน อย่าลืมเผื่อเวลามาถึงสถานีล่วงหน้าอย่างน้อย 10-20 นาทีด้วยนะ
เผื่อจะหลงใน Taipei Main Station แล้วหาทางไปขึ้นรถไฟไม่เจอ
จริงๆ ไม่ยากหรอก เดินตามป้าย “TRA/HSR” ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ
พอได้ตั๋วมาแล้ว สิ่งที่ต้องดูก่อนว่าถูกต้อ
วันเวลา สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง
หลังจากนั้น คือ ขบวนที่ ตรงนี้นอกจากจะดูเพื่อไม่ให
ยังเอาไว้ดูที่ป้ายตรงชานชา
ลำดับต่อมา คือ คันที่ และ เลขที่นั่ง
เมื่อหาฝั่งจะขึ้นรถไฟถูกแล
ซึ่งเค้าจะจอดได้ตรงเป๊ะกับ
ปกติเวลาจะออกจากสถานี เราต้องสอดบัตรเข้าไป เพื่อให้ประตูเปิดออก
แต่ถ้าใครที่อยากเก็บตั๋วรถ
ให้ไปปั๊มตราตรงประตูทางออก
พอลงไปแล้ว ก็จะมีแยก 2 ด้าน ซ้าย-ขวาอีก
มีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
เพื่อให้แม่นยำเทียบตัวเลขขบวนรถปลอดภัยที่สุด
จะมีป้ายตัวเลขบอกที่รอรถไฟอยู่ ไปยืนรอให้ตรงจุด
พอรถไฟมาจะได้ขึ้นรถไปหาที่นั่งได้เลย
เห็นมั้ยว่า การจองตั๋วรถไฟทางออนไลน์ไม่ยากเลย
ค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน เดี๋ยวก็จองได้เอง
อีก 1 วิธีที่เราเคยใช้ คือ แยกจองตั๋วในเส้นทางเดียวกันออกเป็น 2 ช่วง เพราะบางครั้งมีคนลงระหว่างทาง ก็จะมีที่นั่งว่างเหลืออยู่ และควรจองให้ได้ในขบวนเดิมที่เราขึ้นตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ
เช่น จากไทเป (Taipei) ไปอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko) วิธีปกติคือ เลือกต้นทางที่ Taipei และปลายทางที่ Hualien แต่ในกรณีที่จองแบบนี้ไม่ได้ ให้แยกออกเป็น 2 ช่วงคือ
“Taipei → Luodong/Yilan และ Luodong/Yilan → Hualien”
(เมืองที่ 2 จะไปลงระหว่างทางที่สถานีไหนก็ได้ แต่ควรเป็นเมืองใหญ่สักนิด เพราะจะมีอัตราคนใช้บริการสูง)
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในไต้หวันเพิ่มเติมได้จากลิงก์ข้างล่างนี้ค่ะ
https://www.1000milesjourney.com/all-about-taiwan-by-1000miles/
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางสะสมไมล์ต่อไปของเรานะคะ
..หนึ่งพันไมล์..
2018.08.14