อย่างที่บอกว่าที่นี่อยู่ใกล้กับ Taipei Main Station ศูนย์รวมการเดินทางของเมืองไทเปเลย
จะนั่งรถบัส รถไฟ (TRA) รถไฟความเร็วสูง (HSR) หรือรถไฟฟ้า (MRT) ก็สะดวกทั้งนั้น
ถ้ามาจากสนามบิน แนะนำให้นั่งรถไฟฟ้าสาย Taoyuan Airport MRT จะสะดวกกว่า
เมื่อมาถึงแล้วก็เดินออกมาที่ทางออก 3 เดินข้ามถนนใหญ่ไป และเดินต่ออีกนิดนึง ประมาณ 450 เมตรก็ถึงแล้ว
หรือถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า จะออกทาง Y5 แล้วเดินเลียบห้าง Q Square หรือ Y17 ก็ได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ที่นี่ยังใกล้กับตลาดกลางคืนหนิงเซียะ (Ningxia Night Market) ที่ขึ้นชื่อของกินอร่อยๆ ด้วย เดินจากโรงแรมไปนิดเดียวเอง
หรือจะเดินช้อปปิ้งที่ห้าง Q Square ศูนย์รวมแฟชั่น ที่มีรองเท้า sneaker รุ่นใหม่ๆ ราคาไม่แพงด้วย
“Bee House” เป็นบูติคโฮเทลที่เพิ่งเปิดเมื่อไม่นานมานี้เอง
อยู่ในเครือเดียวกับ Cosmos Hotel และ Taipei Garden Hotel
แม้จะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่เรื่องการบริการไม่เป็นรองใครเลย
พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส และพูดคุยภาษาอังกฤษได้ดี มีการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารแถวนั้นด้วย
ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 2 แบบ คือ Superior Room แต่แบ่งออกเป็นห้องเตียงเดี่ยว และเตียงคู่
กับอีกแบบคือ Deluxe Triple Room ซึ่งนอนได้ทั้งหมด 3 คน
ห้องที่เราพักเป็นแบบ Superior – 1 Double bed เตียงนอนขนาดใหญ่ จะได้กลิ้งสบายๆ
ห้องพักในแต่ละช่วงเวลาราคาไม่เท่ากัน คลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์ของ Bee House Teipei Branch ได้เลย
บางช่วงมีโปรโมชั่นสำหรับการจองห้องพักล่วงหน้าด้วย ราคาจะถูกลงกว่าปกติ
website : http://www.b-house.com.tw/en/
แม้ที่นี่จะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่ facility ในห้องพักนี่ก็ครบครันเลยนะ
มีทีวี ตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน พร้อมชา-กาแฟ น้ำเปล่า 2 ขวด และยังมีขนมกรุบกรอบให้อีก
ห้องพักขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็พอวางกระเป๋าขนาด 29″ ของเราได้
ประตูห้องน้ำเป็นแบบกระจกบานเลื่อน ไม่แน่ใจว่า คนข้างนอกจะมองเห็นในห้องน้ำรึเปล่า (กรณีเข้าพักกัน 2 คน)
พอดีเราไปคนเดียว เลยไม่ได้ทดสอบตรงจุดนี้
แต่ข้อดีของกระจกบานเลื่อนคือทำให้ห้องพักดูมีขนาดกว้างและใหญ่ขึ้น ไม่อึดอัดจนเกินไป
ด้านปลายเตียงตรงนีี้เราเอาไว้จัดกระเป๋า ซึ่งทริปนั้นก็ขนของไปเยอะเหลือเกิน
เพราะจะบินจากไต้หวันไปเที่ยวญี่ปุ่นต่ออีก 10 วัน เลยต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ไปนี่ล่ะ
ด้านข้างตรงนี้เค้าจะทำเหมือนรังผึ้งเลย
เอาวไว้วางพวกข้าวของที่เตรียมไว้ให้พวกเรา นั่นคือ น้ำเปล่า กาต้มน้ำร้อน ขนม และแก้วน้ำสีเหลืองลายน่ารักๆ
ชอบที่นี่ตรงที่เค้าให้เช็กอินได้ตอนบ่าย 3 และเช็กเอาท์ได้ตอนเที่ยงของวันถัดไป
ซึ่งโรงแรมส่วนใหญ่จะต้องเช็กเอาท์ตอน 11 โมง
แต่เราก็ไม่ได้อยู่ถึงเที่ยงหรอก เพราะต้องไปขึ้นเครื่องตอน 8 โมงเช้า กลายเป็นว่าต้องออกจากโรงแรมตั้งแต่ตี 4
อดชิมอาหารเช้าของที่นี่เลย แต่พนักงานเค้าเตรียมเป็น Breakfast set แบบง่ายๆ ให้เราเอาไปกินรอระหว่างรอขึ้นเครื่องด้วย
บริการได้น่าประทับใจจริงๆ
เสียดายว่าเรามีเวลากับที่ Bee House น้อยเกินไป เก็บรูปมาฝากได้ไม่เยอะ
ที่นี่ยังมีห้องออกกำลังกายที่อยู่บนชั้น 7 ด้วยนะ และก็ยังไม่ได้ชิมเบเกอรี่กับเครื่องดื่มที่ Garden Cafe เลย
เอาไว้ถ้ามีโอกาสคงได้กลับไปพักอีกรอบแน่ๆ ติดใจๆ