1. ปราสาทชิลยอง (Chillon Castle)
เริ่มปักหมุดเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันที่สัญลักษณ์ประจำเมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เป็นปราสาทยุคกลางที่นับเป็นอัญมณีทางประวัติศาสตร์ของสวิตเซอร์แลนด์ มองมาแต่ไกลให้ความรู้สึกเหมือนปราสาทลอยอยู่ในทะเลสาบเจนีวา ที่นี่เป็นด่านเก็บค่าผ่านทางของเรือสินค้า ภายในมีห้องต่างๆ มากถึง 25 ห้องให้เยี่ยมชม บรรยากาศรายรอบปราสาทให้สัมผัสของความลึกลับผสมกับความสวยงามแบบคลาสสิก
2. ทะเลสาบเจนีวา (Geneva Lake)
มาต่อกันที่ทะเลสาบรูปพระจันทร์เสี้ยวของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกของริเวียร่าแห่งสวิต” และยังเป็นที่ตั้งของ “เจนีวา” เมืองที่เล็กที่สุดของประเทศ อีกทั้งยังใกล้เทือกเขาแอลป์ บรรยากาศจึงสวยงามเกืนคำบรรยาย เหมาะกับการล่องเรือชมความสวยงามของแผ่นน้ำและทิวทัศน์โดยรอบ หรือจะเช่าเรือตกปลายามเย็น ชมพระอาทิตย์ตกดิน วันที่ฟ้าโปร่งมองเห็นเทือกเขามงต์บลองก์คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาด
3. มหาวิหารเซนต์ปิแอร์ (St. Pierre Cathedral)
จากนั้นไปเที่ยวอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเจนีวา เป็นมหาวิหารเก่าแก่ สร้างตั้งแต่ปี 1160 และใช้เวลาสร้างนานกว่า 400 ปี จึงแล้วเสร็จ ตัวมหาวิหารตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองเก่า ภายในโบสถ์บางส่วนจัดเป็นโซนพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ จัดแสดงข้าวของเก่าแก่ที่ขุดค้นพบในเจนีวา ซึ่งคาดว่าเคยเป็นที่ตั้งของซากชุมชนโรมัน และยังมีหอคอยให้ไต่บันไดขึ้นไปอีก 100 กว่าขั้น เพื่อไปชมวิวทิวทัศน์ของเจนีวาแบบ 360 องศา
4. ย่านเมืองเก่าเจนีวา (Geneva Old Town)
เขตเมืองเก่าของเจนีวาที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ ในสมัยโรมันเป็นตลาดนัดวัวควาย ปัจจุบันเป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยว มีไฮไลท์คือ “จัตุรัสจตุรัสปลาซดูบูร์กเดอฟูร์” (Place du Bourg de Four) เป็นที่ตั้งบ้านเรือนและอาคารเก่าแก่สถาปัตยกรรมสุดคลาสิก ครบครันด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และโรงแรมต่างๆ มากมาย และมีตลาดเก่าแก่ให้เดินเล่นเพลินๆ ใครมีเวลาเที่ยวไม่มากแนะนำให้ตรงดิ่งมาที่นี่เลย
5. อาคารสหประชาชาติ (United Nations of Geneva)
ชานเมืองเจนีวา ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติอาคารเก่าแก่สไตล์โรมันสุดคลาสสิก ที่ก่อสร้างขึ้นในปี 1936 ด้านหน้าเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส ในตัวอาคารมีห้องบรรจุผู้เข้าประชุมได้มากถึง 2,000 คน ไฮไลท์สำคัญคือหมู่เสาธงนานาชาติกลางสนามหญ้าเขียวขจี จุดถ่ายรูปที่ผู้มาเยือนต้องไม่พลาด
6. จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz Square)
“ซูริก” (Zurich) เมืองน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่นักเดินทางต้องไม่พลาดปักหมุด ใจกลา่งเมืองมีแลนด์มาร์กเด่นคือ “จัตุรัสปาราเดพลาทซ์” อดีตตลาดหมูกลายมาเป็นจุดต่อรถรางที่สำคัญของเมือง รวมถึงเป็นแหล่งย่านช็อปปิ้งสุดคึกคัก ร้านขายเสื้อผ้าและสินค้าระดับไฮเอนด์ และมีอาหารของหวานรสเลิศจากร้านขนมหวาน ร้านอาหารชื่อดังระดับโลกให้ลิ้มรส และอาคารเก่าแก่ให้โพสต์ท่าเก๋ๆ ถ่ายรูป
7. โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster Church)
จากนั้นแวะไปชมอีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญ ณ ริมแม่น้ำลิมมัต “โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์” เป็น 1 ใน 4 โบสถ์หลักของเมืองซูริค โบสถ์สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์โดมสีฟ้าโดดเด่นเห็นแต่ไกล ภายในประดับงานกระจกสีอันสวยงามสุดวิจิตรที่เรียกว่า “กระจกชากาล” อึกหนึ่งจุดเด่นคือออร์แกนโบราณยักษ์ รวมทั้งยังมีภาพวาดที่สวยงามติดไว้ให้ชมอีกหลายแห่ง เข้าชมฟรีแต่ห้ามถ่ายรูปภายใน แต่ก็มีโปสการ์ดสวยๆ ให้ซื้อเป็นที่ระลึก
8. ถนนออกัสตินเนอร์กาส (Augustinergasse Streets)
“ออกัสตินเนอร์กาส” หนึ่งในถนนสายสำคัญมากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองซูริก เป็นถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนหลากสีสันสถาปัตยกรรมเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลาง โดดเด่นด้วยหน้าต่างไม้แกะสลักอันงดงามที่ยื่นออกมาจากตัวอาคาร ที่นี่ยังมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ให้เดินเล่นนั่งชิล และยังมีมุมสวยๆ บรรยากาศย้อนยุคให้ถ่ายรูปอัพลงโลกโซเชียลอีกมากมาย
9. น้ำตกไรน์ (Rhine Falls)
อีกหนึ่งที่เที่ยวไฮไลท์ของสวิตเซอร์แลนด์ “น้ำตกไรน์” เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ระหว่าง เมืองชัฟเฮาเซิน (Schaffhausen) และซูริก ใครอยากไปสัมผัสน้ำตกอย่างใกล้ขิด สามารถขึ้นเรือข้ามไปเกาะกลางน้ำตก หรือนั่งเรือล่องชมน้ำตกที่มี 2 สายให้เลือกระดับความตื่นเต้น สายสีเหลืองจะหวาดเสียวกว่าสายสีชมพู ซึ่งล่องชมแค่รอบนอกแบบสบายๆ และยังมุมพักผ่อนและแหล่งช้อปปิ้งให้เพลิดเพลินอีกด้วย
10. เทือกเขาพิลาตุส (Mt.Pilatus)
จากน้ำตกไปเที่ยวภูเขาที่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) “เทือกเขาพิลาตุส” หรือ “ภูเขามังกร” มี 2 วิธีในการขึ้นไปชมความงามบนยอดเขา คือนั่งรถไฟฟันเฟืองไต่เขาที่ความชัน 45 องศา ซึ่งสูงชันที่สุดในโลก และนั่งกระเช้า ได้ทั้งความตื่นเต้นและได้เห็นทิวทัศน์สองข้างทางตระการตา เหมาะสำหรับเที่ยวแบบ One Day Trip บนเขายอดเขามีโรงแรมและร้านอาหารให้บริการเสร็จสรรพ มีทั้งวิวเมืองและวิวทะเลสาบสุดตระการให้ชมแบบอิ่มอกอิ่มใจ
11. บ้านไอน์สไตน์ (Einstein House)
ที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์อันดับต่อไปคือ “บ้านไอน์สไตล์” ที่ถนนแครมกัซเซอ (Kramgasse) ที่พำนักของ“อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” (Albert Einstein) เมื่อครั้งที่ทำงานกับสถาบันกลางทรัพย์สินทางปัญญาของสวิส ช่วงปี 1902-1905 ปัจจุบันอพาร์ทเมนท์ 4 ชั้น เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวประวัติของเขา มีข้าวของต่างๆ รวมทั้งภาพถ่ายของนักวิทยาศาสตร์เอกชาวเยอรมันให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ได้ชม
12. ถนนมาร์คกาสเซ (Marktgasse Street)
ไม่ไกลจากบ้านไอน์สไตน์ ยังมีที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่ต้องแวะคือ “ถนนมาร์คกาสเซ” (Marktgasse) ถนนสายช้อปปิ้งหลักของเมือง บรรยากาศสุดคึกคัก สองข้างเรียงรายไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่กลายเป็นร้านค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะร้านนาฬิกา เสื้อผ้า ของฝาก จุดเด่นของถนนสายนี้คือ “หอนาฬิกาดาราศาสตร์” (Zytglogge) หอนาฬิกายักษ์อายุกว่า 800 ปี ซึ่งเดิมใช้เป็นประตูเมือง ที่จะมีตุ๊กตาออกมาเริงระบำให้ดูทุกๆ ชั่วโมง ที่นาฬิกาตีบอกเวลา
13. ยอดเขาจุงเฟรา (Mt. Jungfrau)
“ยอดเขาจุงเฟรา” เป็นของยอดเขาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ ใกล้กับเมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) วิธีเดียวที่จะขึ้นไปบนยอดเขาได้คือ นั่งรถไฟขึ้นไต่เขา ซึ่งจะวิ่งผ่านหมู่บ้านและทุ่งหญ้า ค่อย ๆ ไต่ความสูงขึ้นไปจนถึงสถานีรถไฟจุงเฟรายอค (Jungfraujoch) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสายนี้ ที่จัดแสดงในอุโมงค์ยาวให้เที่ยวชม
14. ถ้ำนํ้าแข็ง 1,000 ปี (Ice Palace)
ถ้ำน้ำแข็งโบราณอายุกว่าพันปีที่ไม่มีวันละลาย เป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) เป็นอุโมงค์น้ำแข็งที่สร้างขึ้นโดยการขุดธารน้ำแข็งลึกลงไป 15 เมตร มีความยาวถึง 130 เมตร ภายในเป็นโถงขนาดกว้างใหญ่ อุณหภูมิเฉลี่ย 1 ถึง 1.5 องศา มีทางเดินที่เปิดไฟสลัวๆ ให้บรรยากาศสวยงามสุดโรแมนติก อีกทั้งยังมีผลงานศิลปะเป็นน้ำแข็งแกะสลักอยู่ตามจุดต่างๆ ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
15. ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ (Aletsch Glacier)
อีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติห้ามพลาด “ธารน้ำแข็งอาเลิทช์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งสุดงดงาม มีความยาวถึง 22 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในบรรดาทุ่งน้ำแข็งทั้งหมดของเทือกเขาแอลป์ ที่นี่ยังมีกิจกรรมล่องแก่งบนธารน้ำแข็งที่เหล่านักผจญภัยโปรดปราน ที่ต้องนอนคว่ำลงไปบนกระดานโฟมแข็งไปตามสายน้ำที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง ที่ทั้งสนุกและตื่นเต้นท้าย เป็นที่โปรดปรานของเหล่านักผจญภัย
16. ยอดเขาฮาร์เดอร์คูลม์ (Harder Kulm)
“ยอดเขาฮาร์เดอร์คูลม์” ดินแดนเหนือสุดแห่งอินเทอร์ลาเกน คือหนึ่งในยอดเขาชมวิวที่ขึ้นได้ง่ายใช้เวลาน้อยที่สุดของสวิส มีไฮไลท์จุดชมวิวพีคๆ คือหน้าผาที่มีระเบียงยาวยื่นออกให้ยืนชมวิวสุดอลังการ มองเห็นตัวเมืองอินเทอร์ลาเกน และไกลไปถึงยอดเขาจุงเฟราด้านซ้ายเป็นวิวทะเลสาบเบียนซ์ ส่วนด้านขวาเป็นทะเลสาบทูน สำหรับการขึ้นไปยอดเขาต้องนั่งรถรางแบบโมโนเรลที่จะไต่ระดับความชันขึ้นไป วัดใจกันสุดๆ
17. หมู่บ้านบีเตนเบิร์ก (Beatenberg Village)
หมู่บ้านแสนสวยเหนือทะเลสาบทูน (Thun Lake) ในเมืองอินเทอร์ลาเกน ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของยอดเขาจุงเฟราแล้ว ยังมีที่เที่ยวขึ้นชื่อคือ “ถ้ำเซนต์บีตัส” (St. Beatus Caves) ที่มีอารามตั้งอยู่บริเวณปากถ้ำ แถมยังมีน้ำตกสวยงามไหลออกมาจากปากถ้ำ และมีสะพานไม้ที่สร้างพาดผ่านน้ำตก ให้นักท่องเที่ยวได้ชมน้ำตกอย่างใกล้ชิด และยังมีร้านอาหารให้ชิมพร้อมชมบรรยากาศ
18. อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument)
แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองลูเซิร์น (Lucerne) เป็นการรวมประวัติศาสตร์และศิลปะไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ถือเป็นหนึ่งประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุโรป อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิส ซึ่งเสียชีวิตในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ผลงานประติมากรรมนี้เป็นการแกะสลักลงไปบนพื้นผิวที่เป็นหินทรายมีความยาวเกือบ 10 เมตร เป็นรูปสิงโตนอนรอความตายอยู่บนกองโล่และหอก เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
19. ทะเลสาบเออชีเนิน (Oeschinen Lake)
ทะเลสาบเออชีเนินอยู่ในหุบเขาใกล้หมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อ “คันเตอร์ชเตค” (Kandersteg) ในรัฐเบิร์น ในช่วงฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งยาวนานถึง 5 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม ที่นี่จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมหลากหลาย ทั้งเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ตกปลาน้ำแข็ง ปีนเขา เดินชมทัศนียภาพรอบๆ ทะเลสาบ และเล่นรถไฟเหาะภูเขา (Mountain Coaster) อันแสนตื่นเต้นเร้าใจ
20. ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn Mountain)
ปิดทริปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่ “แมทเทอร์ฮอร์น” ยอดเขาที่มีรูปทรงคล้ายพีระมิดที่ได้รับฉายาว่า “มงกุฎแห่งสวิตเซอร์แลนด์” ภูเขาที่งามสง่าแห่งเทือกเขาแอลป์ จุดเด่นคือยอดเขาทรงพีระมิดที่บนสุดของยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เมื่อนั่งเคเบิลคาร์ไปยังสถานีปลายทางที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ระดับความสูง 3,883 เมตร จะได้ชมวิวภูเขา 38 ลูก และธารน้ำแข็ง 14 สาย ในมุมมอง 360 องศา อภิมหาอลังการจริงๆ
บอกได้เลยว่า เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ต้องมีเวลามากหน่อย จะได้ปักหมุดได้หลากหลาย การเดินสะดวกมีหลายสายการบินให้เลือกใช้บริการ คลิกจองง่ายๆ แค่แอฟเดียวจบครบทุกอย่าง กับ Traveloka ส่วนเรื่องเดินทางระหว่างเมืองก็ไม่ยุ่งยาก ระบบขนส่งทั่วถึงทั้งรถไฟ รถบัสและรถราง สะดวกและประหยัดถ้าใช้บัตร Swiss Travel Pass