15 places to visit in france

พาไปชม 15 ที่เที่ยวฝรั่งเศสสุดฟิน บินได้แล้วตอนนี้ สวยแทบลืมหายใจ

September 14, 2021 5419 0 0

“ฝรั่งเศส” (France) ประเทศในแถบยุโรปตะวันตกที่มีเสน่ห์ตามแบบของตัวเองในทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรม งานศิลป์ แฟชั่น น้ำหอม และอาหารการกิน ติดอันดับต้นๆ ของจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมกระจายอยู่ตามแคว้นน้อยใหญ่ทั่วประเทศ แต่ละเมืองล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป หากใครที่คิดถึงการเดินทางแล้วอยากไปเที่ยวฝรั่งเศส ก็ไป จองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศส กับTraveloka ได้แล้วที่ > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Paris.PARA หรือ ไปจองตั๋วเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ (Air France) กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/airline/air-france

“15 ที่เที่ยวฝรั่งเศส สวยแทบลืมหายใจ” ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เมื่อมาเยือนดินแดนน้ำหอมแห่งนี้ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเผื่อคุณจะตัดสินใจไปเที่ยวฝรั่งเศสกันง่ายขึ้น เพราะตอนนี้บินไปถึงฝรั่งเศสแล้วไม่ต้องกักตัว สามารถเที่ยวฝรั่งเศสต่อกันได้เลย   

1. พระราชวังลักเซมเบิร์ก (Luxembourg Palace)

Luxembourg Palace
Luxembourg Palace
Luxembourg Palace
Luxembourg Palace

พระราชวังลักเซมเบิร์ก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีส เดิมเป็นที่ประทับของพระนางมารีเดอเมดิชิ (Marie de’ Medici) พระมารดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ของฝรั่งเศส (Louis XIII de France) ปัจจุบันพระราชวังเเห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการของวุฒิสภาแห่งฝรั่งเศส และส่วนอื่นๆ ของพระราชวังได้ถูกปรับเปลี่ยนไปใช้งานอย่างเช่น ที่พักของประธานสภาสูง และพิพิธภัณฑ์ ทางทิศใต้ของพระราชวังโดดเด่นด้วย “สวนลักเซมเบิร์ก” (Luxembourg Gardens) สวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกรุงปารีส ที่ตกแต่งประดับประดาไปด้วยต้นไม้พรรณไม้ สระน้ำ รูปปั้นราชินีฝรั่งเศสและรูปปั้นนักบุญต่างๆ มากมาย มีสวนแอปเปิ้ล สวนลูกแพร และยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟอยู่ที่นี่อีกด้วย

2. พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace)

Versailles Palace
Versailles Palace
Versailles Palace
Versailles Palace

พระราชวังหลวงแห่งเมืองแวร์ซายส์ (Versailles) ของกรุงปารีส ที่ได้รับการยกย่องว่างดงามอลังการเป็นที่สุดของโลก และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน สร้างขึ้้นโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (King Louis XIV)  พระราชวังสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ถึง 700 ห้อง โดยแต่ละห้องล้วนมีเครื่องประดับหรูหราตระการตา ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ “ห้องกระจก” (The Hall of Mirrors) ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของพระราชแวร์ซายส์ ทั้งห้องประกอบด้วยกระจกบานยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกจะพบกับสวนแวร์ซายส์อันสวยงาม เป็นห้องที่ใช้จัดพิธีเลี้ยงรับรองคณะราชทูต และเป็นห้องที่ใช้เซ็นสนธิสัญญาครั้งสำคัญถึง 2 ครั้ง คือ สนธิสัญญาตั้งอาณาจักรเยอรมัน และสนธิสัญญาแวร์ซายส์ 

3. เมืองนีซ (Nice)

Nice
Nice
Nice
Nice

เมืองตากอากาศชื่อดังของฝรั่งเศส อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ถูกขนานนามว่า “เฟรนช์ริเวียรา ” (French Riviera) นีซเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกสเดอซู (Côte d’Azur) เป็นเมืองมากเสน่ห์ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมชั้นเยี่ยม ซากปรักหักพัง พิพิธภัณฑ์ ร้านเสื้อผ้า ตลาดกลางแจ้ง และภัตตาคารสุดหรู มีแลนด์มาร์กอยู่ที่ “ถนนเดสซองเกรส์” (Promenade des Anglais) ถนนเลียบชายหาดที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารและสถานบันเทิง ที่ “ย่านเมืองเก่านีซ” (Le Vieux Niece) มีสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ศิลปะมากมาย และยังเป็นแหล่งอาหารทะเลสดๆ ของเมืองอีกด้วย ส่วน “คาสเซิลฮิลล์” (Castle Hill) เป็นจุดชมวิวเมืองและอ่าวเบย์ออฟแองเจิล (Bay of Angels) ที่สวยงามทั้งยามกลางวันและกลางคืน

4. เมืองเอ็กซองโพรวองซ์ (Aix-en-Provence)

Aix-en-Provence
Aix-en-Provence
Aix-en-Provence
Aix-en-Provence

เมืองแห่งความงดงามด้านทิวทัศน์ ในอดีตเป็นเมืองหลวงของแคว้นโพรวองซ์ (Provence) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และปัจจุบันเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่เป็นอันดับ 1 ด้านกฎหมาย ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 600 ปี อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งลาเวนเดอร์และไร่องุ่น  มีวิวสวยของทะเล เป็นบ้านเกิดของ “ปอล เซซาน” (Paul Cezanne) ศิลปินผู้โด่งดังจากภาพวาดภูเขาแซงก์วิกตัวร์ (Saint Victoire)   ณ ถนนมิราโบ (Mirabeau Street) ถนนสายสำคัญของเมือง ซึ่งเริ่มต้นที่บริเวณวงเวียนน้ำพุโรโตเดน (Rotonde Fountain) เป็นที่ตั้งของร้านค้าหรูและร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศส นอกจากนี้โพรวองซ์ยังเต็มไปด้วยตรอกเล็กซอยน้อยให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม นับเป็นเมืองท่องเที่ยวสุดคลาสสิกมีสีสันทุกฤดูกาลเลยทีเดียว

5. เมืองกอลมาร์ (Colmar)

Colmar
Colmar
Colmar
Colmar

เมืองท่องเที่ยวยุคกลางอันโด่งดัง ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอแรง (Haut-Rhin) ในแคว้นอาลซัส (Alsace) อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีคลองไหลผ่าน อันเป็นที่มาของสมญานาม “ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส” กิจกรรมห้ามพลาดของที่นี่คือการนั่งเรือชมเมือง ชมสถาปัตยกรรมที่ยังคงสภาพเป็นเมืองโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ โบสถ์ น้ำพุ รูปปั้น และห้องสมุด  เมืองแห่งนี้ยังถูกจัดให้เป็นเมืองสุดโรแมนติก และเป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยไร่องุ่นได้รับฉายาว่า “เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส”  และเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมอีกด้วย

6. เทือกเขามงบลอง (Mont Blanc)

Mont Blanc
Mont Blanc
Mont Blanc
Mont Blanc

“มงบลอง” ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ตามแนวชายแดนฝรั่งเศส-อิตาลี ยาวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ถึงสวิตเซอร์แลนด์ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปที่อยู่นอกเขตคอเคซัส ที่ความสูงกว่า 4,807 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลบนยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย มีกิจกรรมหลากหลายทั้งเล่นสกี ปีนเขา เดินป่า ท่องธารน้ำแข็งแมร์เดอเกลซ (Mer de Glace Glacier) นั่งรถรางหรือปั่นจักรยานเสือภูเขา ชมวิวเทือกเขา ทุ่งหญ้าและป่าไม้ข้างทาง และเดินชมความงามของหมู่บ้าน หมู่บ้านชาโมนิกซ์ (Chamonix Village) หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักที่อยู่บริเวณตืนเขามงบลอง

7. วิหารมงแซงมิเชล (Mont Saint Michel)

Mont Saint Michel
Mont Saint Michel
Mont Saint Michel
Mont Saint Michel

“มงแซงมิเชล” แปลว่า “เนินเขาแห่งเซนต์ไมเคิล” เป็นวิหารคริสต์ที่สร้างอยู่บนเกาะกลางทะเลริมชายฝั่งแคว้นนอร์มังดี

(Normandy) ถูกยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์ของโลกตะวันตก”  โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 709 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสค์ และถูกปรับเป็นแบบโกธิกในยุคกลาง ประมาณศตวรรษที่ 15 โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ในปี 1979 ตัววิหารสร้างด้วยหินแกรนิต ที่มีความสูงถึง 155 เมตร บนยอดของวิหารมีรูปปั้นทูตสวรรค์มิคาเอล สร้างโดยโดยประติมากรชื่อดัง “เอมานูแอล เฟรมีเย” (Emmanuel Fremiet) สวยงามโดดเด่นและโรแมนติกราวกับปราสาทในเทพนิยายเลยทีเดียว ในอดีตสามารถเดินทางไปยังวิหารได้ต่อเมื่อน้ำลดเท่านั้น ปัจจุบันมีถนนเชื่อมต่อไปยังตัวเกาะได้อย่างสะดวกสบาย

8. หุบเขาลัวร์ (Loire Valley)

Loire Valley
Loire Valley
Loire Valley
Loire Valley

หุบเขาลัวร์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลัวร์ (Loire River) ทางตอนกลางของฝรั่งเศส โดยเป็นพื้นที่เขียวชอุ่มที่รู้จักกันในชื่อ “สวนแห่งฝรั่งเศส” (Garden of France) เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของไร่องุ่นและสวนผลไม้  โดดเด่นในเรื่องเมืองประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและไวน์ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตลอดแนวหุบเขาระยะทางราวๆ 280 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของ 2 ปราสาทชื่อดัง คือ “ปราสาทชองบอร์ด” (Chateau de Chambord) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่ปราสาทลุ่มน้ำลัวร์ 300 กว่าหลัง และเป็นต้นแบบปราสาทการ์ตูนเรื่อง “Beauty and the Beast”  และปราสาทเชอนงโซ (Chateau de Chenonceau) ซึ่งนอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังมีประวัติศาสตร์และความเป็นมามากมายซ่อนอยู่ภายใต้ปราสาทแห่งนี้ด้วย

9. หมู่บ้านอีวัวร์ (Yvoire)

Yvoire
Yvoire
Yvoire

หมู่บ้านเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี ตั้งอยู่ในเมืองโอตซาวัว (Haute Savoie) หมู่บ้านแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 บรรยากาศเงียบสงบ อากาศดี อยู่ติดกับทะเลสาบเจนีวา (Geneva lake) จึงได้รับสมญาว่า “ไข่มุกแห่งทะเลสาบเจนีวา” มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อยู่ตรงที่บ้านเรือนแต่ละหลังจะถูกประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสี จนได้รับการขนานนามว่า “หมู่บ้านดอกไม้  เป็นหนึ่งในผู้ชนะการแข่งขันไม้ดอกระดับประเทศ และได้รับเหรียญเงินจากการแข่งขันดอกไม้ยุโรปปี 2002 อีกด้วย  นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างเช่น ปราสาท โบสถ์ประจำเมือง และป้อมปราการ และยังมีร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อของฝากอีกด้วย

10. โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)

Sainte Chapelle
Sainte Chapelle
Sainte Chapelle
Sainte Chapelle

โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ตั้งอยู่บนเกาะอีลเดลาซิเต (Ile de la Cite) กลางแม่น้ำแซน (Seine River) เป็นโบสถ์เก่าแก่นิกายโรมันคาทอลิกที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก สร้างขึ้นในระหว่างปี 1242-1248 โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 เพื่อเก็บรักษาสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อพระเยซูคริสต์ ภายในโบสถ์มีทั้งหมด 2 ชั้น  ชั้นล่างเป็นพื้นที่สำหรับคนทั่วไป ส่วนด้านบนเป็นที่สำหรับเหล่าขุนนางและครอบครัวชั้นสูง มีการตกแต่งหน้าต่างของห้องโถงด้วยกระจกสีทั้งหมด 15 บาน แต่ละบานมีความสูง 15 เมตร โดยแต่ละบานมีเรื่องราวและการตกแต่งที่แตกต่างกัน ยามเมื่อแสงแดดส่องพาดผ่านกระสีเข้ามา จะสะท้อนสีสันมากมายเข้ามาด้านในตัวโบสถ์ ก่อให้เกิดเป็นสีสันสดใสสวยงามยิ่งนัก

11. เมืองลียง (Lyon)

Lyon
Lyon
Lyon
Lyon

เมืองลียง เป็นเมืองหลวงของแคว้นโรนาลป์  (Rhone Alpes) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของฝรั่งเศส เป็นเมืองเก่าแก่อายุยาวนานถึง 2,000 ปี เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสภาปัตยกรรมโบราณและอาหารการกิน บรรยากาศในย่านเมืองเก่าลียง (Vieux Lyon) เรียงรายไปด้วยตึกโบราณในสมัยยุคกลาง และยังเต็มไปด้วยรูปปั้นและอนุเสาวรีย์ต่างๆ และมีแลนด์มาร์กโดดเด่นคือ “มหาวิหารลียง” (Cathedral Saint Jean Baptiste) ที่นอกจากความสวยงามตระการของตัวโบสถ์ ยังมี “นาฬิกาดาราศาสตร์” เป็นจุดปักหมุดสำคัญอีกด้วย นอกจากนี้ที่ใจกลางเมืองยังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำโรน (Rhone River) และแม่น้ำโซน (Saone River) สีฟ้าอมเขียวอ่อนๆ ที่ไหลยาวสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

12. เมืองจิแวร์นี (Giverny)

Giverny
Giverny
Giverny
Giverny

 “จิแวร์นี” เป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นนอร์มังดี (Normandy) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปารีส ซึ่งเป็นเมืองที่ “โกลด โมเนต์” (Claude Monet) ศิลปินชื่อดังแนวอิมเพรสชันนิสม์ ใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ ในบ้านหลังใหญ่สีชมพูพาสเทลตัดกับหน้าต่างสีเขียว ตั้งแต่ 1883 จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1926 ต่อมาในปี 1980 สถาบันวิจิตรศิลป์ (Academy of Fine Arts) ได้ปรับปรุงให้ป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ช่วงเวลาทีี่ดีที่สุดในการเยี่ยมขมบ้านโมเนต์และ “สวนโมเนต์” (Monet Garden) สวนสวยที่สร้างแรงบันดาลใจในสร้างผลงานเขา คือระหว่างเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงดอกไม้นานาชนิดพร้อมใจกันเบ่งบานสร้างสีสันให้กับบ้านหลังนี้

13. เมืองเมทซ์ (Metz)

Metz
Metz
Metz
Metz

เมืองเก่าแก่ริมแม่น้ำ เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโมแซล (Moselle) ของแคว้นลอแรน (Lorraine) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ได้รับการจัดให้เป็น “เมืองศิลปะและประวัติศาสตร์” ความสวยงามของเมืองนี้คือโบราณสถาน อย่างเช่น “มหาวิหารเมตซ์” (Metz Cathedral) ที่โดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกสีอันตระการตา “สถานีรถไฟแกร์เดอเมตซ์วีลล์” (Gare de Metz-Ville) สถานีรถไฟแห่งประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นโดยชาวเยอรมันตั้งเเต่ปี 1905 บรรยากาศของเมืองดูน่ารักและเรียบง่าย มีทางเดินเลียบริมแม่น้ำให้เดินชิลชมสวยงามของวิวทิวทัศน์ มองเห็นปราสาทสะพานผ่านเงาสะท้อนของแม่น้ำดูสวยสบายตา 

14. เมืองแรงส์ (Reims)

Reims
Reims
Reims
Reims

เมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ในแคว้นชองปาญาร์แดน (Champagne Ardenne) ที่นี่คือต้นกำเนิดของแชมเปญ ภายในเมืองเต็มไปด้วยร้านขายแชมเปญ ให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเป็นของฝาก อีกทั้งยังมีโรงงานผลิตแชมเปญชื่อดังให้เข้าชมอีกด้วย  นอกเหนือจากความโดดเด่นเรื่องของแชมเปญ เมืองนี้ยังมีความสำคัญในด้านของประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้งของ “พระราชวังโต” (Palace of Tau) ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระมหากษัตริย์จะพำนักก่อนเข้าสู่พิธีบรมราชาภิเษก ณ “มหาวิหารแรงส์” (Reims Cathedral) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นี่ใช้เป็นที่จัดพิธีสวมมงกุฏให้กับกษัตริย์ฝรั่งเศสถึง 33 องค์  

15. เมืองคานส์ (Cannes)

Cannes
Cannes
Cannes
Cannes

เมืองสุดหรูริมชายฝั่งโกต์ดาซูร์ (Côte d’Azur) ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่รู้จักไปโลกจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ (Cannes Film Festival) และเป็นเมืองที่มีถนนอันโด่งดัง “พรอมานาดเดอลาโคเซส” (Promenade de la Croisette)   ที่ทอดยาวไปตามชายหาดเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เต็มไปด้วยโรงแรมสุดหรู ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ส่วน “ย่านซูเกต์” (Le Suquet) เป็นย่านเมืองเก่าที่มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย อีกหนึ่งจุดห้ามพลาดคือ “มูเชเดอลาคาสเทรอ” (Musee de la Castre) ปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองคานส์ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว 

แต่ละสถานที่สวยๆ เมืองเก๋ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลกันมาเที่ยวฝรั่งเศส ต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี เลือกจุดหมายที่ถูกใจ แล้วเตรียมตัวจองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสกันได้เลย

Tags: Air France, Aix-en-Provence, Cannes, Colmar, Giverny, Loire Valley, Luxembourg Palace, Lyon, Metz, Mont Blanc, Mont Saint Michel, Nice, Reims, Sainte Chapelle, Traveloka, Versailles Palace, Yvoire, กอลมาร์, จองตั๋วเครื่องบินแอร์ฟรานซ์, จองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศส, ที่เที่ยวฝรั่งเศส, ฝรั่งเศส, พระราชวังลักเซมเบิร์ก, พระราชวังแวร์ซายส์, วิหารมงแซงมิเชล, หมู่บ้านอีวัวร์, หุบเขาลัวร์, เทือกเขามงบลอง, เมืองคานส์, เมืองจิแวร์นี, เมืองนีซ, เมืองลียง, เมืองเมทซ์, เมืองแรงส์, เอ็กซองโพรวองซ์, โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ Categories: Around The World
share TWEET PIN IT SHARE
Related Posts